“สยามเทคนิคคอนกรีต” ลงนาม “อิตาเลียนไทย” นำเสาเข็มลุยโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคาย มูลค่าราว 98 ลบ.

“สยามเทคนิคคอนกรีต” ลงนาม “อิตาเลียนไทย” นำเสาเข็มลุยโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคาย มูลค่าราว 98 ลบ.

  “สยามเทคนิคคอนกรีต หรือ STECH ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) งานซื้อขายเสาเข็มคอนกรีตอัดแรงแบบแรงเหวี่ยง (Prestressed Concrete Spun Pile) โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคาย มูลค่าประมาณ 98 ลบ. (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) หนุน Backlog ให้แข็งแกร่ง เชื่ออุตสาหกรรมก่อสร้างเร่งเดินหน้า บิ๊กโปรเจกต์เร่งเปิดประมูลงาน พร้อมเดินหน้าประมูลงานใหม่ต่อเนื่องเสริมแกร่ง Backlog
                นายเจษฎ์กรณ์ มงคลศรีสวัสดิ กรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาดและการขาย บริษัท สยามเทคนิคคอนกรีตจำกัด (มหาชน) หรือ STECH เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) งานซื้อขายเสาเข็มคอนกรีตอัดแรงแบบแรงเหวี่ยง (Prestressed Concrete Spun Pile)  โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย (ระยะที่1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา) สัญญา 4-4 : ศูนย์ซ่อมบำรุงเชียงรากน้อย มูลค่าสัญญาประมาณ 98 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)  
                "ส่วนแนวโน้มภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 4/2564 ช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้  เริ่มเห็นสัญญาณบวกจากภาครัฐบาลและเอกชนเริ่มมีงานประมูลออกมาแล้ว ทำให้มองว่างานส่วนใหญ่ที่ถูกชะลอในครึ่งปีแรกจากสถานการณ์โควิด-19  ที่มีการแพร่ระบาดต่อเนื่องจากปี 2563 ที่ผ่านมา จะเริ่มกลับมาเดินหน้าประมูลงานใหม่ โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เราก็คว้างานใหม่เข้ามาเสริม Backlog และ STECH ยังอยู่ระหว่างติดตามการประมูลงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น งานเสาเข็มสปัน โครงการรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน โครงการรถไฟไทย-จีน และงานเสาเข็มเขื่อนป้องกันน้ำท่วมหลายภูมิภาค เป็นต้น สะท้อนโอกาสในการเข้ารับงานเพิ่มเติม และจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/65 เป็นต้นไป" นายเจษฎ์กรณ์ กล่าว
                คอนกรีตอัดแรงถือเป็นรากฐานสำคัญอันดับต้นๆ ในงานก่อสร้าง บริษัทฯ จึงเชื่อว่าจะได้อานิสงส์ในงานเมกะโปรเจกต์ ที่ภาครัฐเริ่มทยอยออกมาตามแผน จากจุดเด่นของบริษัทฯ ในความเชี่ยวชาญ และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ อีกทั้งบริษัทฯ มีโรงงาน 9 แห่ง ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค ยกเว้นภาคใต้ ทำให้มีความสามารถในการแข่งขัน เตรียมพร้อมสำหรับการเข้ารับงานใหม่ๆ โดยเฉพาะโรงงานแห่งที่ 10 ที่จังหวัดชลบุรี สาขาที่ 2  เป็นอีกกำลังเสริมทัพการเข้ารับงานในโซนภาคตะวันออก รวมถึงโปรเจกต์ EEC เป็นโอกาสการเติบโตในปี 2565 ต่อเนื่อง