KLINIQ เปิด Flagship Store หรู 6 ดาว แห่งที่ 3 ใจกลางทองหล่อ รับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่กำลังซื้อสูงหนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

KLINIQ เปิด Flagship Store หรู 6 ดาว แห่งที่ 3 ใจกลางทองหล่อ รับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่กำลังซื้อสูงหนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

KLINIQ ประกาศเปิดตัว “THE KLINIQUE : Thonglor Flagship Store” สุดหรูระดับ 6 ดาว ในโครงการ Marche Thonglor บนทำเลทองของย่านทองหล่อ รองรับไลฟ์สไตล์ของคนเมืองยุคใหม่ทั้งชาวไทยและต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง “นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์” ซีอีโอ มั่นใจ ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์ บวกความเชื่อมั่นจากลูกค้าที่ผ่านมา จะทำให้สาขาใหม่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี พร้อมระบุ ครึ่งปีแรกเปิด 6 สาขาใหม่ได้ตามเป้า สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานปีนี้โตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนผู้ถือหุ้นเตรียมรับเงินปันผลหุ้นละ 0.50 บาท ในวันที่ 26 พฤษภาคมนี้ 

นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ กล่าวว่า บริษัทฯ ได้เปิดตัวสาขาใหม่ใจกลางทองหล่อที่ “THE KLINIQUE : Marche Thonglor Flagship Store” ในโครงการ Marche Thonglor (มาร์เช่ ทองหล่อ) ด้วยคอนเซ็ปต์ One-Stop-Service Solution ที่มีโปรแกรมให้บริการครอบคลุมความต้องการและความกังวลของลูกค้า ทั้งด้านผิวพรรณ รูปร่าง รวมถึงการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ที่กำลังได้รับความนิยมและเป็นเมกะเทรนด์ของโลก และตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำอันดับ 1คลินิกการแพทย์ความงามของประเทศไทย

โดยโปรแกรมการดูแลเฉพาะทางดังกล่าว ได้รับการพัฒนาโดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการและมีประสบการณ์ของ เดอะคลีนิกค์ ที่สามารถดูแลสุขภาพได้ตั้งแต่การป้องกันก่อนการเกิดโรค เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และฟื้นฟูร่างกาย ตลอดจนถึงการบำบัดรักษา เช่น Immunotherapy, NAD+Frozen Concentrate (Anti-Aging IV Drip) หรือโปรแกรมความงามที่ได้รับรองมาตรฐาน US FDA และการยอมรับจากแพทย์ในระดับสากล เช่น Ulthera SPT+, ThermageFLX Pro, Super HIFU MPT, Pico Clear Enlighten เป็นต้น รวมทั้งนวัตกรรมกระชับสัดส่วน เช่น TRUSCULPT ID และ Emsculpt NEO ซึ่ง THE KLINIQUE ได้รับรางวัลผู้นำอันดับ 1 ในการให้รักษามาอย่างต่อเนื่อง และได้รับการยอมรับจากผู้ใช้บริการทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ

สำหรับ “THE KLINIQUE : Thonglor Flagship Store” เป็นสาขาใหม่ที่เปิดให้บริการลูกค้าในโครงการ Marche Thonglor เป็น Mixed-Use Lifestyle Destination พื้นที่โครงการ 60,000 ตารางเมตร อยู่บนทำเลที่หรูที่สุดของทองหล่อที่มีศักยภาพการเติบโตสูง มีโรงแรม 5 ดาว 10 แห่ง คอนโดมิเนียมสุดหรู รองรับนักท่องเที่ยวและประชาชนที่มีกำลังซื้อสูง ทั้งยังเป็นพื้นที่ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์จากคนหลายกลุ่มกว่า 1,000,000 คน ในโซนนานา, อโศก, พร้อมพงษ์, เอกมัย, ทองหล่อ และยังเชื่อมต่อไปยังโซนเพชรบุรีตัดใหม่, พระราม 4, อ่อนนุช, คลองตัน ที่มีการใช้ชีวิตของคนเมืองยุคใหม่ ทั้งกลุ่มคนทำงาน Tech Company, Start Up, สายปาร์ตี้, กลุ่มครอบครัว และกลุ่มชาวต่างชาติ

“THE KLINIQUE : Thonglor Flagship Store อยู่ในทำเลที่ดีและหรูที่สุดในย่านทองหล่อ ที่ครอบคลุมพื้นที่ที่มีการใช้ชีวิตของคนเมืองยุคใหม่ที่มีความทันสมัยและมีกำลังซื้อสูง และจากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์และทีมงาน ที่ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศมาโดยตลอด เชื่อว่าจะส่งผลให้สาขาใหม่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี” นายแพทย์อภิรุจ กล่าว

นายแพทย์อภิรุจ กล่าวด้วยว่า บริษัทฯ สามารถเปิดสาขาใหม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 ได้เปิดสาขาใหม่แล้วรวม 3 สาขา ได้แก่ 1. “THE KLINIQUE เซ็นทรัล รามอินทรา” ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล รามอินทรา, 2. L.A.B.X สาขาปิ่นเกล้า และล่าสุด 3. “THE KLINIQUE : Marche Thonglor Flagship Store” ในโครงการ Marche Thonglor ซึ่งทุกสาขาได้รับการตอบรับจากลูกค้าผู้ใช้บริการในระดับที่ดีมาก และจะเป็นปัจจัยสนับสนุนผลการดำเนินงานในปี 2566 เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทฯ กำไรสุทธิ 205.57 ล้านบาท จากปี 2564 มีกำไรสุทธิ 129.26 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 76.31 ล้านบาท หรือ 59% โดยแบรนด์ THE KLINIQUE เป็นแบรนด์ที่ทำรายได้ในสัดส่วน 95% หรือทำรายได้ 1,663.93 ล้านบาท ตามด้วยแบรนด์ THE KLINIQUE SURGERY CENTER ทำรายได้ในสัดส่วน 2.9% หรือทำรายได้ 51.03 ล้านบาท และแบรนด์ L.A.B.X ทำรายได้ในสัดส่วน 2.1% หรือทำรายได้ 36.03 ล้านบาท

โดยเฉพาะในไตรมาส 4/2565 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 60.70 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ เนื่องจากมีรายได้เติบโตทุกแผนกและเติบโตขึ้นทุกแบรนด์ ขณะที่ Same Store Sale Growth  (SSSG) ในไตรมาส 4/2565 เทียบกับไตรมาส 3/2565 เท่ากับ 16% และ SSSG ของปี 2565 เทียบกับปี 2564 เท่ากับ 65% และคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดให้แก่ผู้ถือหุ้น สำหรับงวดการดำเนินงานวันที่ 1 สิงหาคม 2565 ถึง 31 ธันวาคม 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท และได้กำหนดจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลในวันที่ 27 เมษายน 2566 โดยกำหนดสิทธิ์ (RD) 9 พฤษภาคม และจ่ายเงินปันผลภายในวันที่ 26 พฤษภาคม 2566