IND โชว์กำไรปี 66 ติดเทอร์โบ!พุ่งแตะ 13.36 ลบ. รับรู้รายได้งานภาครัฐ-เอกชน-ตุนงานในมือกว่า 1,606.77 ลบ. ลุยประมูลโปรเจคใหม่ ดันผลงานปี 67 เติบโตไม่ต่ำกว่า 15 %
บมจ.อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (IND) ไม่ทำให้ผู้ถือหุ้นผิดหวัง เปิดผลงานปี 2566 กำไรสุทธิแตะ 13.36 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 760.52 ล้านบาท อานิสงส์รับรู้รายได้งานโครงการใหม่จากภาครัฐและเอกชน ขณะที่บริหารต้นทุนได้อย่างดีเยี่ยม ฟากซีอีโอ “ดร.พรลภัส ณ ลำพูน” มั่นใจปี 2567 ผลงานเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% เผยมีงานในมือ (Backlog) รอรับรู้รายได้กว่า 1,606.77 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าประมูลโปรเจคใหม่ต่อเนื่อง
ดร.พรลภัส ณ ลำพูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IND เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานงวดปี 2566 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ของบริษัท มีกำไรสุทธิเท่ากับ 13.36 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 760.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 149.15 ล้านบาท หรือคิดเป็น 24.40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 611.37 ล้านบาท
ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง มาจากรับรู้รายได้จากโครงการใหม่ๆ ที่ทยอยเข้ามา ประกอบกับทยอยส่งมอบงานในมือ (Backlog) ได้ตามแผน รวมทั้งมีการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างปีนี้มีแนวโน้มฟื้นตัวที่ดีขึ้น จากการที่รัฐบาลมีแรงขับเคลื่อนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยให้มีงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานอื่นๆ ที่ยังมีแนวโน้มขยายตัว ทำให้เห็นสัญญาณบวกที่ส่งผลดีต่อธุรกิจ ทำให้เชื่อว่าทิศทางธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 2567 จะยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมศึกษาธุรกิจใหม่ๆ เกี่ยวกับธุรกิจพลังงานสะอาด ทั้งรูปแบบงานรับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจร (EPC) เริ่มตั้งแต่การให้บริการออกแบบโรงไฟฟ้า ส่งมอบและให้บริการหลังส่งมอบโครงการ รวมถึงรูปแบบการลงทุนเอง เพื่อเพิ่มช่องทางตลาดใหม่เพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ รวมถึงรายได้ กำไรให้เติบโตอย่างยั่งยืน ที่สำคัญเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและสร้างจุดแข็งให้กลุ่มบริษัทฯ และสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขันทางธุรกิจ ซึ่งปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ไม่ต่ำกว่า 15% เทียบกับปีที่ผ่านมา โดยทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 1,606.77 ล้านบาท ณ สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566
“ที่ผ่านมากลุ่มบริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจอย่างเข้มข้น รวมถึงดำเนินธุรกิจได้ตามแผนที่วางไว้ จึงผลักดันให้รายได้และกำไรปี 2566 เติบโตตามที่คาดการณ์ไว้ โดยเชื่อว่านับต่อจากนี้ภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯ น่าจะเติบโตอย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น และยังคงมุ่งเน้นเข้าร่วมประมูลงานใหม่ๆ จากภาครัฐ-รัฐวิสาหกิจ รวมถึงภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาอัตรากำไรให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งเพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาว ” ดร.พรลภัส กล่าวในที่สุด