SELIC ปลื้ม 6 เดือนแรกปี 67 ทำกำไรแรงกว่า 73 ลบ. เติบโต 279% ธุรกิจสติ๊กเกอร์แข็งแกร่ง ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมาแรง หนุนมาร์จิ้นเพิ่ม

SELIC ปลื้ม 6 เดือนแรกปี 67 ทำกำไรแรงกว่า 73 ลบ. เติบโต 279% ธุรกิจสติ๊กเกอร์แข็งแกร่ง ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมาแรง หนุนมาร์จิ้นเพิ่ม

“บมจ.ซีลิค คอร์พ (SELIC)” โชว์ผลงานเด่น ครึ่งแรกปี 67 กวาดกำไรแรงกว่า 73 ลบ. เติบโต 279% รายได้ 1,068 ลบ. เติบโตกว่า 17% ส่วนงวด Q2/67 กำไรอยู่ที่กว่า 30 ลบ. พุ่งกว่า 155% จากธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเสริมพอร์ตรายได้ มาร์จิ้นดี ส่วนธุรกิจกาวอุตสาหกรรม และธุรกิจสติ๊กเกอร์เติบโตต่อเนื่อง หนุนผลงานเข้าเป้า ปี 67 คาดเติบโตได้ในระดับสองหลัก (Double Digit Growth) ได้อย่างแน่นอน

นายณรงค์ สุวัฒนพิมพ์ รองประธานกรรมการ และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่าย รวมทั้งวิจัยและพัฒนากาวอุตสาหกรรมที่ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม (Specialty and High Performance Adhesive) เพื่อจำหน่ายให้แก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในรอบ 6 เดือนแรกของปี 67 มีกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่อยู่ที่ 73.24 ล้านบาท เติบโต 279% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และสามารถทำรายได้รวมอยู่ที่ 1,068.37 ล้านบาท เติบโต 17.3% จากการรวมผลการดำเนินงานของธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในสัดส่วนที่มีนัยสำคัญ โดยมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 325.80 ล้านบาท เติบโต 43.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 30.6% จากอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงการพัฒนาขึ้นจากกำไรขั้นต้นของธุรกิจกาวอุตสาหกรรม และธุรกิจสติ๊กเกอร์ หรือฉลากที่มีกาวในตัว

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 67 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ อยู่ที่ 30.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 155.2% รายได้รวมอยู่ที่ 507.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 150.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/2567 เทียบกับไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 29.70% และ 27.2% ตามลำดับ เป็นผลมาจากสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ

โดยซีลิคมีโครงสร้างรายได้จากการขายและบริการในไตรมาส 2 ปีนี้ แบ่งเป็น 3 ธุรกิจหลักดังนี้ 1.ธุรกิจกาวอุตสาหกรรมอยู่ที่ 27% 2.ธุรกิจสติ๊กเกอร์หรือฉลากที่มีกาวในตัว 43% และ 3.ธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ 30% ขณะที่โครงสร้างการขายและบริการแยกตามภูมิภาค ซีลิคมีสัดส่วนการขายและบริการตลาดในประเทศ 68% และตลาดต่างประเทศ 32%

อย่างไรก็ดี ภาพรวมอุตสาหกรรมในปี 2567 การส่งออกอาจจะฟื้นตัวน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยซีลิคยังคงได้รับสัญญาณการส่งออกที่ดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 4/2566 จึงคาดว่าการส่งออกของธุรกิจกาวอุตสาหกรรมและธุรกิจสติ๊กเกอร์จะทยอยฟื้นตัวในปี 2567 ด้วยเช่นกัน ในขณะที่ธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพจะยังคงดำเนินกลยุทธ์ เพื่อส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ผ่านกิจกรรมทางการตลาดและการขายในรูปแบบต่างๆ

ทั้งนี้ ซีลิคมุ่งเน้นสร้างการเติบโตของรายได้จากทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเดินหน้าขยายฐานลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีอัตราเติบโตที่เพิ่มขึ้น และมุ่งขยายไปยังตลาดต่างประเทศที่เศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม สำหรับธุรกิจกาวอุตสาหกรรมและธุรกิจสติ๊กเกอร์ ในขณะที่ธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ได้ทำการออกแบบผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย รวมถึงการเพิ่มช่องทาง ทางการขายทั้งในและต่างประเทศเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการพัฒนาการบริหารจัดการต้นทุนภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพผ่านกระบวนการ Supply chain บริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เพื่อที่จะสามารถรับมือกับสถานการณ์ความผันผวนของปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน หรืออัตราแลกเปลี่ยน พร้อมกับการมองหาโอกาสในการขยายการลงทุนด้วยการร่วมทุน หรือการซื้อกิจการ เพื่อที่เป็นการผลักดันการเติบโตอย่างก้าวกระโดด

“ก้าวต่อไปของซีลิค เรายังคงเดินหน้าทั้ง 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจกาวอุตสาหกรรม ธุรกิจสติ๊กเกอร์หรือฉลากที่มีกาวในตัว และธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการเดินหน้านโยบายและกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์รักษ์โลก เพื่อให้ครอบคลุมและตอบสนองต่อตลาดมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดีผลการดำเนินงานในรอบ ไตรมาส2 และ 6 เดือนแรกของปี 2567 สะท้อนถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจที่ดีเยี่ยมของซีลิคท่ามกลางความท้าทายในปัจจุบัน มั่นใจปี 2567 สามารถเติบโตได้ในระดับสองหลัก (Double Digit Growth) ได้อย่างแน่นอน” นายณรงค์ กล่าวทิ้งท้าย