โอสถสภาทุ่มพันล้าน ขยายไลน์ผลิตเครื่องดื่มบรรจุกระป๋อง รองรับการเติบโตตลาดเครื่องดื่มในประเทศ-ต่างประเทศ เดินหน้าเต็มสูบเจาะตลาดคนรุ่นใหม่

โอสถสภาทุ่มพันล้าน ขยายไลน์ผลิตเครื่องดื่มบรรจุกระป๋อง รองรับการเติบโตตลาดเครื่องดื่มในประเทศ-ต่างประเทศ เดินหน้าเต็มสูบเจาะตลาดคนรุ่นใหม่

บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคชั้นนำของประเทศไทย ประกาศทุ่มงบตั้งสายการผลิตเครื่องดื่มบรรจุกระป๋องแห่งใหม่ เดินหน้าขยายฐานการผลิตเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจเครื่องดื่มในประเทศและต่างประเทศ เสริมยุทธศาตร์ขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่และเซกเมนต์พรีเมี่ยม เพื่อเติบโตในประเทศและในภูมิภาค

นางวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โอสถสภา เผยว่า โอสถสภาได้ทุ่มงบประมาณการลงทุนเกือบ 1,000 ล้านบาท เพื่อขยายฐานการผลิตไลน์บรรจุกระป๋องใหม่ ตอบโจทย์ผู้บริโภคและคนรุ่นใหม่ที่นิยมเครื่องดื่มที่ให้ความสดชื่นในรูปแบบกระป๋อง เตรียมผลิตเครื่องดื่มกระป๋องทั้งแบบอัดคาร์บอเนตและแบบไม่อัดคาร์บอเนต ซึ่งเป็นเทรนด์การเติบโตของเครื่องดื่มในอนาคต มุ่งขยายฐานผู้บริโภคและตลาดเครื่่องดื่มระดับพรีเมี่ยม

ปัจจุบันโอสถสภาเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศและเป็นผู้นำในภูมิภาค ได้แก่ เมียนมาร์ ลาว นอกจากนี้ยังมีจำหน่ายในอีกกว่า 30 ประเทศทั่วโลก มียอดขายของธุรกิจเครื่องดื่มรวมกว่า 22,000 ล้านบาท ภายหลังจากที่โอสถสภาเปิดตัวเครื่องดื่ม “เอ็ม-150” หรือ “มิโซ” ที่ได้รับกระแสตอบรับจากลูกค้าอย่างดีเยี่ยม ทำให้แบรนด์สามารถเติบโตในกลุ่มเครื่องดื่มให้พลังงาน เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งรูปแบบ รสชาติ และภาพลักษณ์ที่ดึงดูด ประกอบกับมีการใช้ อินฟลูเอนเซอร์ (Influencers) อย่าง “พี่จอง-คัลแลน” ทำให้เกิดกระแสกระหึ่มโซเชียล

สำหรับไลน์บรรจุเครื่องดื่มกระป๋องของโอสถสภาตั้งอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะส่งผลให้โอสถสภามีกำลังการผลิตรวมสูงถึงกว่า  300 ล้านกระป๋องต่อปี  ใช้เทคโนโลยีการผลิตกระป๋องที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย สามารถรองรับการผลิตเครื่องดื่มทั้งในประเทศและต่างประเทศที่บรรจุกระป๋องได้ ภายใต้แบรนด์ “เอ็ม-150”  “ชาร์ค” และ “คาลพิส แลคโตะ” โดยการลงทุนในไลน์ผลิตกระป๋องใหม่นี้จะทำให้โอสถสภาสามารถบริหารต้นทุนการผลิตได้ดีขึ้น เพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดการ เสริมศักยภาพการผลิตของโอสถสภาได้ครบวงจรทั้งในรูปแบบต่างๆ  สายการผลิตนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส  4 ปี  2568 ซึ่งจะทำให้โอสถสภามีขีดความสามารถทางการแข่งขันสูงขึ้

โอสถสภายังคงมุ่งมั่นในการรักษาความเป็นที่หนึ่งพร้อมเป็นพลังเพื่อเสริมสร้างชีวิตที่จะเติบโตและยืนหยัดเคียงข้างผู้บริโภคตลอดไป