PROEN ปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจ รับการเติบโตของรายได้อย่างมั่นคงยั่งยืน

PROEN ปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจ รับการเติบโตของรายได้อย่างมั่นคงยั่งยืน

PROEN ปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจ โฟกัสธุรกิจหลัก โยกงานรับเหมาก่อสร้างโครงการภาครัฐไปที่บริษัทย่อย พร้อมขยายทีมงานการตลาด รองรับการเปิดศูนย์ "PROEN OTT DC" แห่งใหม่ หวังเพิ่มสัดส่วนรายได้ Recurring Income   คาดกระบวนการปรับโครงสร้างธุรกิจในกลุ่มแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/67

นายกิตติพันธ์ ศรีบัวเอี่ยม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ PROEN ผู้ให้บริการ Data Center ชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า กลุ่ม PROEN  เตรียมปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทให้มีความมั่นคงและยั่งยืนในอนาคตและตอบโจทย์การให้บริการลูกค้า  ซึ่งจะมุ่งเน้นในส่วนที่เป็น Core Business หรือธุรกิจหลักเป็นสำคัญ โดยเฉพาะด้าน ICT ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัท ทั้งในส่วนการให้บริการด้านเทคโนโลยีและการสื่อสาร (Information Communication and Technology),การให้บริการศูนย์ข้อมูลคอมพิวเตอร์ (Internet Data Center),การให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (Internet Service Provider : ISP) และบริการคลาวด์ (Cloud Service)  รวมทั้งการดูแลระบบความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์(Cyber Security)

ส่วนกลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และงานโครงการของภาครัฐ งานโครงการโทรคมนาคมและสาธารณูปโภคพื้นฐาน (Telecommunication and Infrastructure Service) จะโยกไปไว้ที่ บริษัท โปรเอ็น เทเลบิซ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เพื่อลดความซ้ำซ้อน และแบ่งแยกการดำเนินธุรกิจการให้บริการให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

พร้อมกันนี้ บริษัทจะเพิ่มทีมงานด้านการขายและการตลาด (Sales & Marketing) อีกประมาณ 10 ทีม โดยจะเน้นการทำงานเชิงรุกในการให้บริการลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากทรัพย์สิน หรือ Recurring income โดยเฉพาะจากให้บริการ Internet Data Center  ที่เตรียมจะเปิดศูนย์ “PROEN OTT DC” แห่งใหม่บนถนนพระราม 9 - ศรีนครินทร์  ภายในไตรมาส 3/67 ไว้รองรับกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยตั้งเป้าว่าในปี 2568 สัดส่วนรายได้จาก Recurring income เพิ่มเป็น 75-80%

“เราเตรียมเพิ่มทีมมาร์เก็ตติ้งอีกประมาณ 10 ทีม เพื่อรองรับการเติบโตจากการขยายธุรกิจ และในเร็วๆ นี้ก็จะมีการเปิดศูนย์“PROEN OTT DC” แห่งใหม่  ซึ่งก็สอดคล้องกับการปรับโครงสร้างธุรกิจภายในกลุ่มให้มีความชัดเจน และตอบโจทย์ลูกค้า คาดว่าการปรับโครงสร้างในกลุ่มจะแล้วเสร็จในไตรมาส 4 ปีนี้”นายกิตติพันธ์ กล่าว

นายกิตติพันธ์ กล่าวว่า ปัจจุบัน บริษัท มีมูลค่างานในมือ หรือ Backlog ราว 1,000 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าภายหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจในกลุ่มในครั้งนี้ จะผลักดันให้บริษัทมี Backlog เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ในอนาคตบริษัทจะมีรายได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น