บล.เอแอลเอส
Ø มีการปรับประมารการรายได้ลงมาอยู่ที่ 2.81 หมื่นล้านบาท ปรับลด GPM ลงเล็กน้อย 20 bps. ปรับลดรายจ่ายลง 80 bps. แต่ยังคงกำไรสูทธิทั้งปีที่1,920 ล้านบาท
Ø 2H67 ผลประกอบการจะยังเติบโตได้ HoH ระดับราคาขายที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ด้านต้นทุนเองก็เริ่มปรับขึ้นตามคาดจะสูงกว่า 1H67 เล็กน้อย
Ø คงราคาเหมาะสมสิ้นปี67 ที่ 6.00 บาท
บล.โกลเบล็ก
มุมมองเป็นกลางต่อกำไร Q267 และแนวโน้ม 2H67
Bloomberg Consensus 6.50 บาท Upside 34%
Ø เรามีมุมมองเป็นกลางต่อผลประกอบการ 2Q67 และแนวโน้ม 2H67 โดยแม้ ผบห.มีการปรับเป้ารายได้ขึ้น อย่างไรก็ตาม เราคาดทิศทางราคายางใกล้ถึงจุดสูงสุดแล้ว จากการเข้าสู่ช่วงสถานการณ์ลานีญา ประกอบกับ Demand ยางในจีนเริ่มโตชะลอลง ส่วนยาง EUDR แม้เป็น Story ใหม่ แต่เรายังไม่ได้ให้น้ำหนัก เนื่องจากราคาขายไม่ได้สูงกว่าราคายางปกติมากนัก แต่มีต้นทุนการผลิตสูงกว่า อย่างไรก็ตาม เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 6.50 บาท มีอัพไซต์ 34% และบริษัทประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.05 บาท/หุ้น (คิดเป็น Yield 1%) XD วันที่23 ส.ค.67 และจ่ายวันที่6 ก.ย.67
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย)
Ø จากการดำเนินงานในช่วง 2Q67 บริษัทมีรายได้รวมที่ 5,809 ลบ. (-11.4%y-y, -11.2%q-q) เนื่องจากปริมาณยางที่ขายลดลง แต่ได้เพิ่มจากราคายางที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีการลดต้นทุนด้านค่ากองทุนสงเคราะห์สวนยาง และค่าขนส่ง ทำให้มีกำไรสุทธิที่ 479 ลบ. (+4.7%y-y, +5.5%q-q) จากผลประกอบการที่กำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และแผนการดำเนินธุรกิจในประเทศ Côte d'Ivoire คงคำแนะนำ “ซื้อ”
บล.ยูโอบี
กำไร 2Q24 ดีกว่าคาด แต่อาจอ่อนตัวลง qoq ใน 3Q24
Ø NER รายงานกำไรปกติที่ 492 ล้านบาท ลดลง 3.3% yoy แต่เพิ่มขึ้น 3.5% qoq ดีกว่าคาดจากเล็กน้อยปัจจัยหนุนหลักจากความสามารถทำกำไรที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้แม้ประเมินกำไร 3Q24 อาจอ่อนตัวลง qoq จากราคาขายที่ลดลง แต่จากกำไร1H24 ที่คิดเป็น 61% ของกำไรปี 2024 เราจึงมีการปรับเพิ่มประมาณการปี2024-25 ที่ 13.5% และ 17% ได้กำไรปี2024 ที่ 1.75 พันลบ. เติบโต 12.9% yoy คงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 5.90 บาท
บล.พาย
Ø เรายังคงแนะนำซื้อเพราะมีปัจจัยบวกจากปริมาณขายในช่วง 2H24 ที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจาก 1H24 หลังจากสภาพอากาศเริ่มมีฝนตกและทำให้ผลผลิตยางออกมามากขึ้น รวมกับผลประกอบการงวด 2Q24 ที่มีกำไรเพิ่มขึ้น 5% YoY, 6% QoQ มีอยู่ที่ 479 ล้านบาท ยังรักษาระดับสูงได้แม้ว่ารายได้จะลดลงถึง 11% ทั้ง YoY,QoQ อย่างไรก็ตามด้วยปริมาณขายที่ลดลงในช่วง 1H24 ทำให้เราปรับปริมาณขายลดลงจากระดับ 498,000 ตัน เหลือเพียง 440,000 ตันแต่ปรับราคาขายขึ้น 3% ทำให้มีรายได้ใหม่ที่ 27,313 ล้านบาท (+9%YoY) และมีกำไรสุทธิ 1,840 ล้านบาท (+19%YoY) และประเมินมูลค่าเหมาะสมเหมาะสมได้ใหม่ที่ 6.50 บาท (6.5 XPER’24E) ทั้งนี้ NER ประกาศจ่ายปันผลจำนวน 0.05 บาท/หุ้น XD 23 ส.ค. จ่าย 6 ก.ย.
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์
Ø แม้กําไรสุทธิ1H67 คิดเป็น 53% ของประมาณการทั้งปีและเราคาด 3Q67 กําไรจะเติบโต YoY และQoQ ปัจจัยหนุนจากราคาขายยางที่สูงขึ้น YoY และ QoQ เพราะมีสัญญาขายบางส่วนใช้ราคายางช่วง 4Q66-2Q67 ซึ่งราคายางปรับขึ้นแรง อย่างไรก็ดี 4Q67 มองมีความเสี่ยงที่ยังต้องติดตามจาก 1) ราคายางที่ทยอยปรับลงจากจุดสูงสุดของปีนี้ หลังอุปทานเข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้นจากเข้าสู่ฤดูกรีดยาง (ล่าสุดราคายางแท่งลดลง 13% จากจุดสูงสุด มิ.ย. และยางแผ่นรมควันลดลง 18% จากจุดสูงสุด มี.ค. 2) อุปสงค์ยางมีแนวโน้มชะลอตัวตามยอดขายรถยนต์ทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจาก ศก. ซบเซา โดยเฉพาะจีน (ล่าสุดจีนเผยยอดขายรถยนต์ก.ค. ลดลง 2.8%YoYส่วนไทยมียอดขายรถยนต์ในประเทศและยอดส่งออก 1H67 ลดลง 24.2%YoY และ 1.8%YoYตามลําดับ และ 3) ต้นทุนยางเฉลี่ยจะเริ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจกดดันมาร์จิ้นให้อ่อนตัวลง ดังนั้นเราจึงยังคงประมาณการเดิม โดยคาดปี 2567 NER มีกําไรปกติ 1,754 ลบ. เพิ่มขึ้น 13.5%YoY
Ø เนื่องจากราคาหุ้น NER ปรับลงกว่า 20% จากที่เราเริ่มต้นแนะนําให้ขายทํากําไรออกไปก่อน จนทําให้ราคาหุ้นปัจจุบันกลับมามี Upside 14% จากราคาเป้าหมายปี 2567 ที่หุ้นละ 5.50 บาท (EPS อิงจํานวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากใช้สิทธิแปลงสภาพ NER-W2 ซึ่งมี 308 ล้านหน่วย และกําหนดให้ใช้สิทธิเท่ากัน 4 ครั้งในเวลา 2 ปี พร้อมอิงค่าเฉลี่ย PER ที่ 6.0 เท่าเช่นเดิม) อีกทั้งคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกําไรปีนี้หุ้นละ 0.37 บาท คิดเป็น Div. Yield ป ละ 7.7% ซึ่งล่าสุดบริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกําไร 1H67 หุ้นละ 0.05 บาท (XD 23 ส.ค.) คิดเป็น Div. Yield 1% ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนช่วงสั้นจึงปรับเพิ่มคําแนะนําจากเดิม “Underperform” เป็น “Neutral” เพื่อรับเงินปันผล
บล.กรุงศรี
เรามีมุมมอง “Slightly positive” NER
Ø เนื่องจากผู้บริหารมีมุมมองเป็นบวกต่อผลการดำเนินงาน 2H24F ผลักดันด้วยปริมาณการขายและราคาที่ดีกว่าครึ่งแรก ตามสภาวะ Supply ที่ผลผลิตน้อย เพราะฝนตกเยอะทำให้วันกรีดยางน้อยลง ขณะที่ยังมี Demand การใช้ยางเพื่อนำไปผลิตยางล้ออย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในจีน บริษัทจึงมีการปรับเป้ายอดขายปี 24F เพิ่มขึ้นเป็น 28,500 ลบ.(+14%y-y) ถึงแม้จะปรับเป้าปริมาณการขายลง แต่ราคาขายดีกว่าที่เคยคาดไว้อย่างไรก็ตาม เรามองว่าเป้าหมายใหม่ของบริษัทค่อนข้างท้าทาย จึงยังคงมุมมอง 3Q24F กำไรปกติเพิ่มขึ้น y-y แต่ลดลง q-q จาก GPM ลดลง q-q เพราะต้นทุนเพิ่มขึ้น และยังคงประมาณการกำไรปกติปี 24F ที่1,900 ลบ. (+20%y-y) มีปันผลระหว่างกาล 0.05 บ./หุ้น(yield 1%) XD 23 ส.ค. 24 คงคำแนะนำ Trading buy TP25F ที่5.85 บ
บล.เอสบีไอ ไทย ออนไลน์
Ø กำไรสุทธิ 2Q67 ของ NER อยู่ที่ 478.75 ล้านบาท เติบโต 4.71% YoY หนุนจาก EBITDA Margin ที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 11.38% กลบผลลบจากการลดลงของยอดขายส่วนแนวโน้มปี 67 ยังเติบโตจากราคาที่ยังมีแนวโน้มปรับขึ้นและ Demand ที่เพิ่มขึ้น
บล.หยวนต้า
3Q67 มีลุ้นกำไร New high
Ø แนวโน้มเพิ่มขึ้น QoQ ทั้งปริมาณขายและราคาขาย โดยบริษัทตั้งเป้าปริมาณขายทั้งปีที่ 4.4 แสนตัน เทียบกับ 1H67 ที่ขายไปแล้ว 2.05 แสนตัน ทำให้เฉลี่ยต่อไตรมาสในช่วง 2H67 จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.17 แสนตัน/ไตรมาส จาก 2Q67 อยู่ที่เพียง 0.90 แสนตัน ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก 5% QoQ และ 35% YoY ทำให้มีโอกาสสูงมากที่กำไร 3Q67 จะทำระดับสูงสุดใหม่ทั้งรายได้ GPM และกำไรปกติ โดยมีกำไรปกติรายได้ไตรมาสสูงสุดเดิมที่ 619 ลบ. ใน 3Q65 ซึ่งตอนนั้นมีรายได้ที่ 7.2 พันลบ. แต่เราคาดว่า 3Q67อาจไปแตะระดับ 8.0 พันลบ.+/
Ø กำไรปกติ 1H67 อยู่ที่ 968 ลบ. คิดเป็นสัดส่วน 47% ของประมาณการกำไรปกติทั้งปีของเราขณะที่คาดว่า 2H67 ดีกว่า 1H67 ทั้งปริมาณขายและราคาขาย เราคาดว่ากำไรปกติปี 2567 อาจเท่ากับหรือดีกว่าประมาณการณ์ของเรา จึงยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2567 ไว้ที่ 2,055 ลบ.(+29.9% YoY) คาด EPS ที่ 0.95 บาท เติบโต 11.3% (เนื่องจากใส่ Fully dilute จาก NER-W2)
Ø ปัจจุบันซื้อขายที่ PER67 ต่ำเพียง 5.06 เท่า คาดเงินปันผลทั้งปี 2567 ที่ 0.45 บาท/หุ้น ให้ผลตอบแทน 9.3% คงคำแนะนำ ซื้อ