“IIG” รายได้ Q2/67 All Time High – ฐานรายได้ประจำ แข็งแกร่ง ส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่อง เชื่อมั่นปีนี้กลับมาทำกำไร เน้นนำ AI ช่วยลูกค้าองค์กรธุรกิจ

“IIG” รายได้ Q2/67 All Time High – ฐานรายได้ประจำ แข็งแกร่ง ส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่อง เชื่อมั่นปีนี้กลับมาทำกำไร เน้นนำ AI ช่วยลูกค้าองค์กรธุรกิจ

IIG รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 2 /2567 ส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ทำ New-High ทั้งรายได้ไตรมาส 2/67 ที่ 272 ล้านบาท และรายได้ประจำครึ่งปีแรก 377 ล้านบาท คิดเป็น 72% ของรายได้รวม ตั้งเป้ารายได้ปี 67 แตะ 1,200 ล้าน โดยคาดการณ์จะกลับมาทำกำไรได้ภายในสิ้นปีนี้ พร้อมเผยแผนการดำเนินธุรกิจ ที่เน้นการนำเทคโนโลยี AI มาช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ลูกค้าองค์กรธุรกิจ

นายสมชาย เมฆะสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอแอนด์ไอ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IIG ที่ปรึกษาด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยผลประกอบการครึ่งปีแรก 2567 โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 527.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกันช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 465.35 ล้านบาท โดยหลักมาจากธุรกิจด้านการวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) ที่เพิ่มขึ้น 49.8% และรายได้จากการบริการจัดหาบุคลากรทางด้านระบบงานสารสนเทศ ที่เติบโตขึ้น 21.0% จากกลุ่มลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ รายได้รวมของไตรมาส 2 ของบริษัทฯ มีรายได้อยู่ที่ 272 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้น 28% เมื่อเที่ยบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ด้านรายได้ประจำ (Recurring Revenue) ของบริษัทฯ ในครึ่งปีแรกนี้ ยังคงแข็งแกร่งและเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นเดียวกัน โดยมีรายได้ประจำ 377.42 ล้านบาท คิดเป็น 72% ของรายได้รวม ซึ่งรายได้ประจำของบริษัทฯ มาจากการให้เช่าใช้ซอฟต์แวร์ (Software Subscription) จาก กลุ่มธุรกิจหลัก คือ  ซอฟต์แวร์ Salesforce  จากธุรกิจด้านบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) และ ซอฟต์แวร์ Oracle Cloud ERP จากธุรกิจด้านวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) รวมถึงสัญญาการให้บริการดูแลระบบรายปี (Managed Service) และรายได้จากการบริการจัดหาบุคลากรทางด้านระบบงานสารสนเทศ (IT Outsourcing) สำหรับธุรกิจด้านการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) ที่เคยเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้น ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีรายได้ประจำจากการอนุญาตให้เช่าใช้ระบบซอฟต์แวร์ จากธุรกิจนี้ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีการขยายฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจ นอกเหนือจากการเตรียมความพร้อม และยกระดับความความรู้ความสามารถของบุคลากรให้พร้อมกับการให้บริการเทคโนโลยี AI แล้ว  บริษัทฯ และกลุ่มบริษัทในเครือได้เลือกนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัท ไอซีอี คอนซัลติ้ง จำกัด หรือ iCE ได้ ร่วมกับ Entomo Labs Sdn Bhd จากประเทศ มาเลเซีย จัดตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท ไอซ์ เอ็นโตโม จำกัด หรือ iCE Entomo เพื่อให้บริการแพลตฟอร์ม  entomo ซึ่งเป็น People Experience Platform ให้แก่องค์กรธุรกิจในประเทศไทย โดยแพลตฟอร์มนี้ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี AI และ Machine Learning ควบคู่ไปกับการใช้ Generative AI ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถสร้างการมีส่วนร่วมกับพนักงาน และเสริมศักยภาพของพนักงานผ่านช่องทางดิจิทัล เพื่อวางแผนด้านการเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน การพัฒนาทักษะและ ความสามารถพิเศษ การจัดการการเรียนรู้ การมีสุขภาพที่ดี และเสริมสร้างมีส่วนร่วมกับพนักงานในทุกขั้นตอนของวงจรชีวิตของพนักงาน ตั้งแต่การจ้างงานไปจนถึงการ เกษียณอายุ และแพลตฟอร์มนี้ไม่ได้ถูกออกแบบเพียงเพื่อใช้ในระดับองค์กร อุตสาหกรรม เท่านั้น แต่ยังสามารถใช้ได้ในระดับชาติอีกด้วย

นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทในเครือ  บริษัท ไอแอนด์ไอ เวนเจอร์ จำกัด หรือ iiV ได้ก่อตั้ง AI Lab โดยเป็นทีมงานคนไทยทั้งหมด เพื่อพัฒนาและต่อยอดเทคโนโลยี AI บน InsurTech Platform เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการของ iiV รวมถึงการรองรับความต้องการใหม่ๆ ของลูกค้าในอนาคต เช่นการเพิ่มขึ้นของรถยนต์ EV ทางด้านแพลตฟอร์ม Moverse Inspection บริการตรวจสภาพรถยนต์ผ่านการถ่ายภาพด้วยเทคโนโลยี AI ที่ได้เปิดตัวไปแล้วเมื่อปี 2566 นั้น มียอดการใช้บริการตรวจสภาพรถยนต์ Moverse Inspection ไปแล้วมากกว่า 200,000 รายการ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในครึ่งปีหลัง 2567 นี้ ได้มีการวางแผนเปิดตัวแพลตฟอร์ม Moverse Claim สำหรับการเคลมประกันรถยนต์ อีกทั้งแพลตฟอร์ม Vitaverse Claimสำหรับการเคลมประกันสุขภาพ โดยทั้งหมดนี้ พัฒนาโดย AI Lab ของ iiV

สำหรับในปี 2567 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ที่ 1,200 - 1,400 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 30-40% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 949 ล้านบาท โดยเป้า 1,200 - 1,400 ล้านบาทนี้ มีสัญญาการให้บริการที่เป็นรายได้ประจำ (Recurring Revenue) ที่จะสามารถรับรู้รายได้ในปี 2567 มากกว่า 750 ล้านบาท” นายสมชายกล่าว