PRM จ่ายปันผลครึ่งปี 0.24 บาท/หุ้น ดันปันผล 5.8% เทรดสุดถูก P/E เพียง 8.7x พร้อมทุ่มงบ 1,600 ล้านบาทลุยต่อเรือ เพิ่ม 6 ลำ นักวิเคราะห์วางเป้า 11.8 บาท/หุ้น upside พุ่ง 37%

PRM จ่ายปันผลครึ่งปี 0.24 บาท/หุ้น ดันปันผล 5.8% เทรดสุดถูก P/E เพียง 8.7x พร้อมทุ่มงบ 1,600 ล้านบาทลุยต่อเรือ เพิ่ม 6 ลำ นักวิเคราะห์วางเป้า 11.8 บาท/หุ้น upside พุ่ง 37%

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท พริมา มารีน จํากัด (มหาชน) (“PRM”) ครั้งที่10/2567 ได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นช่วงครึ่งปีหลัง 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.24 บาท/หุ้น คิดเป็นเงินปันผลรวมปี 2567 ที่ 0.50 บาท/หุ้น ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะเมื่อย้อนกลับไปดูในอดีตของ PRM 3 ปีย้อนหลัง จะทำการจ่ายปันผลในช่วงครึ่งปีหลังอยู่ที่ประมาณ 0.10 บาท ซึ่งการอนุมัติจ่ายปันผลในรอบครึ่งปีหหลังนี้ทำให้นโยบายจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นจาก 40% เป็น 60% ของกำไร

อีกประเด็นที่น่าสนใจจากการประชุมคณะกรรมการบริษัทของ PRM คือการทุ่มงบ 1,600 ล้านบาท ลงทุนต่อเรือบรรทุกนํ้ามัน (Oil Tanker) ใหม่ 6 ลํา ระวางบรรทุก 2,499 เดทเวทตัน/ลํา เพื่อขยายฐานลูกค้าการขนส่งน้ำมัน และรับปัจจัยหนุนในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็น high season ของการท่องเที่ยว นอกเหนือจากนั้นธุรกิจ FSU ซึ่งเป็นธุรกิจที่มี Margin สูง โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) อยู่ที่ระดับประมาณ 55% ยังได้รับอานิสงค์จาก (1) ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ ในทะเลแดงทำให้ลูกค้ามีความต้องการกักเก็บน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น และ  (2) ความต้องการเชื้อเพลิงทางทะเลที่ผสมชีวภาพเพิ่มขึ้นอย่างมากเพื่อให้เป็นไปตามแนวทางของคลาสและข้อบังคับของ IMO ดังนั้นจึงคาดว่า PRM จะมีอัตราการใช้ (Utilization Rate) ของ FSU อยู่ที่ระดับมากกว่า 80% นอกจากนั้น PRM ยังมีแผนลงทุนเตรียมขยายกองเรือ “Crew Boat” และพร้อมให้บริการเรือ “FSO” เพิ่มในช่วงปลายปี

จากปัจจัยข้างต้นจึงมั่นใจได้ว่าผลประกอบการณ์ของ PRM ในปี 2567 เติบโตแกร่งตามเป้าหมายที่วางไว้ ผลักดันให้ PRM ได้เข้าสู่ Growth Mode อย่างเต็มตัวซึ่งคาดว่าจะปรับนโยบายจ่ายจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 60% ของกำไรสุทธิให้ผู้ถือหุ้นได้เฮ โดยปัจจุบัน PRM เทรดที่ราคา 8.60 บาท หรือเท่ากับ P/E เพียง 8.7 เท่า โดย Liberator ได้ประมาณการราคาเป้าหมายที่ 11.80 บาท คิดเป็น upside จากราคาปัจจุบันกว่า 37% และมีกำไรสุทธิปี 2567 - 2568 อยู่ที่ 2,218 และ 2,448 ล้านบาทตามลำดับ