KITCARBON ผนึก TGO เดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสู่ Net Zero ด้วย Green Data เชื่อมต่อทุกภาคส่วนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
“KITCARBON” แพลตฟอร์
โดย นายสุรชัย นิ่มละออ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน กล่าวเปิดงานพร้อมเผยว่า SCG ในฐานะผู้ผลิตวัสดุก่อสร้าง นอกจากเรื่องที่เราส่งมอบ Green Products เรายังใช้เทคโนโลยี
ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายรองเพชร บุญช่วยดี รองผู้อำนวยการ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรื
ทั้งนี้ช่วงเสวนาในหัวข้อ “Inclusive Green Growth Talks: Data-Driven Toward Net Zero” ยังได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 4 ท่านมาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ โดย นายนพพร กีรติบรรหาร Chief Marketing Officer บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด เผยว่า การลดคาร์บอนเครดิตนั้นต้องคำนึงถึงทั้งห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 1) Green Process เน้นการลดคาร์บอนตั้งแต่กระบวนการผลิต ลดการใช้พลังงานถ่านหิน แล้วหันมาใช้เชื้อเพลิงทดแทน รวมถึงลดการใช้ไฟฟ้าโดยใช้พลังงานหมุนเวียนในกระบวนการผลิตซีเมนต์ในประเทศแทน 2) Green Products มีการพัฒนาปูนคาร์บอนต่ำเจเนอเรชัน 2 โดยตั้งเป้าสัดส่วนการขายปูนคาร์บอนต่ำทดแทนปูนเดิมที่ 90% ภายในปีนี้ และผลักดันให้มีการใช้สินค้า SCG Green Choice มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีสินค้า 318รายการ ที่ได้รับรองฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และมีแผนที่จะขอจดเพิ่มอีก 210 รายการในปีนี้ 3) Green Solutions เน้นการพัฒนานวัตกรรมก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น เทคโนโลยีการพิมพ์คอนกรีต 3 มิติ (3D Printing) ที่ช่วยลดเศษวัสดุเหลือใช้หน้างานได้ถึง 70% และแพลตฟอร์มประเมินคาร์บอนงานก่อสร้าง หรือ KITCARBON ที่ใช้เทคโนโลยี Digital & BIM เข้ามาช่วยคำนวน Embodied Carbon ของโครงการ ซึ่งจะให้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ต่อการออกแบบกระบวนการก่อสร้างและการเลือกใช้วัสดุ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ดร.ณรงค์วิทย์ อารีมิตร Executive Director บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด (A49) and Regional Manager A49 ขอนแก่น ในฐานะสถาปนิกและผู้ออกแบบ กล่าวว่า ทางบริษัทจัดตั้งแผนก Sustainability มา 20 ปีแล้ว แต่ปัจจุบันนี้ หากจะทำให้ครบทั้งกระบวนการต้องอาศัยการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven) บริษัทจึงจัดตั้งแผนกใหม่ชื่อ Integrated Research เพื่อบูรณาการความยั่งยืน ข้อมูล และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดในการออกแบบเพื่อความยั่งยืนคือ วิธีคิดไม่ว่าจะเป็น Build Less สร้างให้น้อยลง เพิ่มพื้นที่สีเขียวมากขึ้น Build Light ลดเศษวัสดุในการก่อสร้าง ใช้วัสดุที่นำมารีไซเคิลได้ Build Low Carbon ใช้วัสดุที่มีอยู่ โดยที่ไม่ได้เติมวัสดุสิ้นเปลืองเพิ่ม เป็นอีกหนึ่งวิธีคิดในการออกแบบเพื่อทำให้เกิดคาร์บอนต่ำ และ Build for The Future ออกแบบเพื่อเน้นการลด Operational Carbon เช่น การออกแบบเพื่อลดการใช้ไฟฟ้าในอนาคต เป็นต้น ทั้งนี้การลดคาร์บอนให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดนั้นจำเป็นต้องคำนึงถึงตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ดังนั้นเครื่องมือที่ใช้ในการคำนวณ Embodied Carbon และ Operational Carbon จึงสำคัญมากในอนาคต
ดร.ทศพร ศรีเอี่ยม ผู้อำนวยการสถาบันแบบจำลองสารสนเทศอาคาร วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ และคณะทำงานคาร์บอนนิวทัลลิตี้ สภาวิศวกร กล่าวว่า สภาวิศวกรมีหน้าที่ในการจัดทำมาตรฐานการใช้แบบจำลองสารสนเทศอาคาร (Building Information Modeling Standard) ให้ทัดเทียมกับมาตรฐานสากล พร้อมเผยแพร่ให้กับองค์กรต่างๆ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการก่อสร้างให้มีความพร้อมในการเปลี่ยนผ่านจากยุค Analog สู่ยุค Digital นอกจากนี้ ทางสภาฯ ยังพร้อมด้วยวิศวกร จำนวน 200,000 คน และสถาปนิก จำนวน 50,000 คน เพื่อสนับสนุนองค์กรต่างๆ ในการลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้าน ดร.นงนุช พูลสวัสดิ์ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัย สถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (MTEC) กล่าวว่า ปัจจุบันทุกอย่างมุ่งสู่ Net Zero ทั่วโลกมีการออกมาตรการทางการค้าด้านสิ่งแวดล้อมมากถึง 18,000 มาตรการ เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 16% ยังไม่รวมถึงความต้องการด้านฉลากคาร์บอนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นทางสถาบันฯ จึงมีหน้าที่ที่จะสนับสนุนข้อมูลให้ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ แต่บางครั้งแม้ว่าเราจะมีฐานข้อมูลของไทยเอง แต่ผู้ประกอบการมักจะเจอปัญหาเวลาจดทะเบียนในต่างประเทศ เพราะใช้ฐานข้อมูลที่ต่างกัน ดังนั้นการพัฒนาฐานข้อมูลให้สอดคล้องกับบริบทหรือธุรกิจแต่ละประเภทนั้นเป็นเรื่องที่จำเป็น
ดังนั้นการมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำของอุตสาหกรรมก่อสร้างนั้นจำเป็นต้องวางแผนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เริ่มตั้งแต่วิธีคิด การออกแบบ การเลือกใช้วัสดุ การขนส่ง จนถึงการก่อสร้าง ซึ่งKITCARBON ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ตอบโจทย์และช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงข้อมูลวัสดุก่อสร้าง สามารถคำนวน Embodied Carbon ของวัสดุแต่ละชนิด ลดต้นทุนโดยรวมและลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้