PPS ปรับกลยุทธ์รักษาธุรกิจเดิม มุ่งหาพันธมิตรเสริมธุรกิจใหม่ เผยงบไตรมาส 3/67 รายได้ 93.98 ล้านบาท กำไร 2.85 ล้านบาท

PPS ปรับกลยุทธ์รักษาธุรกิจเดิม มุ่งหาพันธมิตรเสริมธุรกิจใหม่ เผยงบไตรมาส 3/67 รายได้ 93.98 ล้านบาท กำไร 2.85 ล้านบาท

PPS เผยทิศทางธุรกิจไตรมาส 4/67 เดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่ในประเทศ โฟกัสเมืองท่องเที่ยว ภูเก็ต พังงา คว้างาน 3 โครงการใหม่ ส่วนผลประกอบการไตรมาส 3/67 รายได้รวม 93.98 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2.85 ล้านบาท ตุน Backlog 432.54 ล้านบาท

ดร.พงศ์ธร ธาราไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (PPS) เปิดเผยว่า ทิศทางอุตสาหกรรมก่อสร้างไตรมาส 4 ปี 2567 อยู่ในสภาวะชะลอตัวจากความล่าช้าของการอนุมัติและเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ส่งผลให้งานเมกะโปรเจค และโครงการสาธารณูปโภคทั่วไปยังไม่คืบหน้า อีกทั้งโครงการที่อยู่อาศัย และโครงการก่อสร้างเชิงพาณิชย์ของภาคเอกชน ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ถดถอยทำให้กำลังซื้อหดตัว และยังอยู่ในช่วงรอการฟื้นตัว

จากสถานการณ์ดังกล่าว PPS ได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินงานตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 67 โดยเน้นขยายฐานลูกค้ากลุ่มโครงการก่อสร้างในจังหวัดการท่องเที่ยวเติบโตสูง อาทิ จ.ภูเก็ต จ.พังงา ซึ่งนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเข้ามาลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ PPS ได้คุมโครงการใหม่ จำนวน 3 โครงการทั้งใน จ.พังงา และภูเก็ต ในส่วนของโครงการ The Headland แหลมยามู อยู่ในระหว่างการเจรจากับผู้ถือหุ้นเก่าและผู้ร่วมลงทุนใหม่

นอกจากนี้ PPS ได้มุ่งหาพันธมิตรเพื่อธุรกิจใหม่ เพื่อทำให้บริษัทฯ มี Business Model ที่สร้างรายได้มากขึ้น ทำให้กระแสเงินสดดีขึ้น และมีความยั่งยืนอีกด้วย

“ปัจจุบัน PPS มีแนวทางปรับกลยุทธ์การทำงานอย่างชัดเจน มุ่งเน้นสร้างความเชื่อมั่นด้านการเป็นที่ปรึกษาและควบคุมการก่อสร้างโครงการต่อกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ใหม่ๆ ที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดตลาดกลุ่มนี้ตั้งแต่ต้นปี 67 เนื่องจากเล็งเห็นถึงโอกาส ความเป็นไปได้ในการเข้านำเสนองาน และเข้ารับงานได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่าเป็นอีกช่องทางสำคัญที่จะสามารถสร้างรายได้แก่บริษัทได้อย่างมีนัยสำคัญ” ดร.พงศ์ธร กล่าว

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 มีรายได้รวม 93.98 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 116.05 ล้านบาท จำนวน 22.07 ล้านบาท ลดลง 19.02% กำไรสุทธิ 2.85 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5.97 ล้านบาท  จำนวน 3.12 ล้านบาท ลดลง 52.26% และมีมูลค่างานรอรับรู้รายได้  (Backlog) อยู่ที่ 432.54 ล้านบาท

ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 275.89 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 323.10 ล้านบาท จำนวน 47.21 ล้านบาท หรือลดลง 14.61% และมีกำไรสุทธิ 1.12 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 15.51 ล้านบาท จำนวน 14.39 ล้านบาท หรือลดลง 92.78% สาเหตุที่ผลประกอบการของบริษัทชะลอตัวลง เนื่องจากช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทยังไม่ได้รับสัญญาจากการต่อสัญญาของกลุ่มโครงการภาครัฐ ส่งผลให้บริษัทต้องรับภาระต้นทุนบริการของกลุ่มโครงการดังกล่าวต่อเนื่อง