เอกชนแนะ สร้าง Ecosystem ด้านสุขภาพ เพื่อเป็นศูนย์กลาง Medical Hub ของอาเซียน

เอกชนแนะ สร้าง Ecosystem ด้านสุขภาพ เพื่อเป็นศูนย์กลาง Medical Hub ของอาเซียน

ประเทศไทยมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ผ่านการพัฒนา Ecosystem ด้านสุขภาพที่ครบวงจร ซึ่งไม่เพียงส่งเสริมเศรษฐกิจ แต่ยังยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ โดยรัฐบาลมีนโยบายให้ประเทศเป็น Medical Hub เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต ด้วยกลยุทธ์เติมอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New S-curve) ผ่านการพัฒนาอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร การเชื่อมต่อการค้า การลงทุน และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงระบบสุขภาพ ตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม

ในด้านเทคโนโลยีสุขภาพ ประเทศไทยมีความก้าวหน้าด้วยการลงทุนในเครื่องมือแพทย์ขั้นสูง เช่น หุ่นยนต์ผ่าตัด ปัญญาประดิษฐ์ในการวินิจฉัยโรค และโรงพยาบาลเสมือน (Virtual Hospital) โดยคาดว่ามูลค่าเทคโนโลยีทางการแพทย์จะสูงถึง 12.3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2573 นอกจากนี้ประเทศยังมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารที่แข็งแกร่ง มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 59 ล้านคนและบริการ 5G ที่ครอบคลุมทุกจังหวัด ซึ่งทำให้พร้อมเปิดรับการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์อย่างเต็มที่ การพัฒนาเหล่านี้ถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้าง Ecosystem ด้านสุขภาพที่ตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมการแพทย์ นับเป็นหนึ่งใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายในการพัฒนาประเทศอีกด้วย

คุณเอกฤทธิ์ ธรรมกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทแบ็คยาร์ด (BACKYARD) ผู้พัฒนาเทคโนโลยีโซลูชั่นด้านเฮลท์เทค กล่าวว่า “การพัฒนา Ecosystem ด้านสุขภาพที่แข็งแกร่งจะไม่เพียงเสริมสร้างระบบสุขภาพของประเทศ แต่ยังเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในตลาดอาเซียน โดยเราจำเป็นต้องนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในระบบการแพทย์ เพื่อให้การเข้าถึงบริการสุขภาพเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้ใช้บริการ”

“ความสำคัญของการร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาระบบสุขภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนทุกกลุ่ม โดยการใช้ทรัพยากรและนวัตกรรมร่วมกันจะช่วยพัฒนาบริการที่มีคุณภาพและสามารถแข่งขันในระดับสากล อีกทั้งมีความพร้อมในการตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป